11 ธันวาคม 2553

Basophils and Nephritis in Lupus. (SLE)

Basophils and Nephritis in Lupus





บทความต่อไปนี้เป็นการแปลโดยอ้างอิงจากงานวิจัยต้นฉบับที่ได้นำมาจากเว็บไซต์ที่ได้มีLink ไปยังข้อความนะคะ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง 


Systemic lupus erythematosus (SLE) เป็นโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อที่ซับซ้อนส่วนใหญ่เกือบทั้งระบบมีความผิดปกติ โดยส่วนมากจะส่งผลต่อระบบไตในรูป แบบของโรคไตอักเสบลูปัส แต่หลายอวัยวะสามารถมีส่วนผิดปกติที่้เกิดจากโรคนี้ได้

 ไตอักเสบลูปัส (Lupus nephritis ) เป็นลักษณะของการเกิดการสะสม(คั่ง)เกิดขึ้นในส่วนของ glomeruli ของสารประกอบเชิงซ้อนของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจาก IgG, IgM และ IgA autoantibodies (ซึ่งเรียกรวมกันจะเรียกว่าแอนติบอดี antinuclear) autoantibodies เหล่านี้จะส่งผลตรงต่อแอนติเจนนิวเคลียร์ และจะแพร่กระจายไปทั่วโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะเกิดเข้าไปคั่งและแทนที่ในส่วนของ Double - standed  DNA ซึ่งผลของการตกตะกอนสะสมของสารประกอบเชิงซ้อนเหล่านี้อาจส่งผลให้ไตวายและทำให้ตายได้
กลไก การทำงานหลายอย่างที่เคยได้เรียนรู้มาว่าิ สามารถนำไปสู่การก่อโรคของโรคไตอักเสบลูปัส
(Lupus nephritis ) คือสารเกี่ยวข้องของสารที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสองตัวได้แก่
type 1 helper T (Th1) and type 17 helper T (Th17) cells 

แม้ว่าการตอบสนองร่างกายมนุษย์l ในรูปแบบของแอนติบอดีที่อยู่ในรูปของ autoreactive (หรือที่เรียก immunoglobulins) นั้นจะถือว่าเป็น สารที่เร่งให้เกิดผลต่อการดำเนินโรคที่เร็วยิ่งขึ้นของ โรคไตอักเสบลูปัส, และการเพิ่มจำนวนจนสามารถวัดได้ของ autoantibodies IgE จะได้รับได้รับการรายงานในผู้ป่วยบางคนเท่านั้น ดังนั้น การที่จะกล่้าวว่า type 2 helper T (Th2) cells และ B cells จะก่อให้เกิดความรุนแรงและความผิดปกติต่อไตอย่างแท้จริงนั้น ยังไม่กระจ่างชัดนัก




จากการศึกษาของ Charles and colleagues ที่ได้ทำกับหนู  [Charles N, Hardwick D, Daugas E, Illei GG, Rivera J. Basophils and the T helper 2 environment can promote the development of lupus nephritis. Nat Med 2010;16:701-707] และตีพิมพ์รายงานผลในปี 2010 นั้นกล่าวว่า มีการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของ "เซลล์บี(B cells)

โดยเฉพาะการวัดได้จากการเพิ่มขึ้นของ  tyrosine kinase โปรตีนที่ควบคุมการเปิดใช้งานในเชิงลบ (Negative control Feedback) ของ B - cell ซึ่งหนูที่ใช้ในการทดลองเหล่านี้ถูกทำให้เกิดโรค โรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อที่พัฒนาขึ้นเองตามธรรมชาติในช่วงสายสุดท้ายของชีวิต (ที่ 32-40 สัปดาห์) 

โดยการทำให้เกิดโรคนี้ทำให้หนูมีลักษณะร่วมของการเกิดโรค SLE ที่ anti−double-stranded DNA antibodies โดยได้พบว่ามี การสะสมของสารประกอบเชิงซ้อนของสารในระบบภูมิคุ้มกันในส่วนของ glomeruli, และทำให้เกิดความเสียหายของไต  

นอกจากนี้ยังได้ทำการทดลองเพิ่มเติมโดยใช้รูปแบบอื่น ๆ ของโรคที่ทำให้หนูเกิดโรค, และในที่สุด Charles et al สรุป ได้ว่าโรคไตอักเสบ lupuslike เกี่ยวข้องกับการผลิตแอนติบอดี antinuclear (Lupuslike nephritis and the production of antinuclear antibodies and anti−double-stranded DNA immunoglobulins in the Lyn-deficient mice were dependent on both interleukin-4 and IgE ,The Basophil and Lupus Nephritis.) ซึ่งส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน Th2 ในร่างกายมนุษย์

ผู้ทำการทดลองได้สังเกตพบว่า การเกิดการขาดของ mast cells ใน Lyn-deficient  ของเซลล์หนู ไม่ได้มีผลไปปรับเปลี่ยนกระบวนการของระบบ autoimmune ในขณะที่การลดลงจนหมดของ basophils ได้ส่งผลนำไปสู่การลดลงอย่างเด่นชัดตัวเลขของการลดลงของการไหลเวียนของ IgGs autoreactive, ในส่วนพลาสมาของเซลล์ม้าม, และระดับของ proinflammatory mediators เช่น (interleukin-4) 

แล้ว basophils จะตัวเร่งให้เกิดโรคไตอักเสบลูปัสหรือไม่

จากการศึกษา พบว่า Basophils แสดงFcεRI (receptor affinity สูงสำหรับแอนติบอดี IgE) ซึ่งมีผลเกี่ยวข้อง (ในส่วนของสารประกอบของ IgE) นำไปสู่การกระตุ้นการทำงานของ basophils  

Charles et al พบ ว่าหนูที่ขาดสารประกอบ Lyn - มีการตรวจพบ autoreactive ของ  IgE และ IgE immune complex ในระบบที่มีการหลั่งเพื่อใช้งานโดยผ่านทางของ basophils และไปยังแหล่งสร้างสารภูมิคุ้มกันที่สอง หรือ อวัยวะของต่อมน้ำเหลืองต่างๆน้ำเหลืองที่สอง 

โดย ผ่านการหลั่ง interleukin - 4 ในอวัยวะเหล่านั้น โดยที่ basophils จะกระตุ้นให้เกิดความแตกต่างของ Th2 เซลล์  โดยความร่วมมือของ interleukin - 6 และ B - เซลล์ ให้สามารถใช้ปัจจัย (ผูกติดกับเยื่อหุ้ม basophil), เพิ่มความแตกต่างของ B - cell และทำให้เกิดการอยู่รอดและการผลิตแอนติบอดี autoreactive 

Immunecomplex ที่เกิดขึ้นจากแอนติบอดี autoreactive เหล่านี้จะเข้าไปที่ glomeruli และก่อให้เกิดโรคไตอักเสบลูปัส สอดคล้องกับการศึกษารูปแบบนี้สามารถสังเกตโดย ชาร์ลส์ ว่าคล้ายกับที่เขาได้ทำการทดลองในหนูที่ขาด Lyn -Cell 

ผู้ที่มีโรคลูปัส(SLE) จะพบว่ามีการเพิ่มของระดับของ anti−double-stranded DNA IgE และ activated basophils ในระบบ circulationของอวัยวะ lymph nodes, และ spleen(ต่อมน้ำเหลืองและม้าม)
เรียก รวมกันว่าผลลัพธ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า basophils, interleukin - 4, และ IgE เป็นสื่อกลางในการก่อให้เกิดโรคของ glomerulonephritis ด้วย
การเข้าไปร่วมในสภาวะแวดล้อมและกระตุ้นการสร้างเซลล์ Th2 B autoreactive อย่างไรก็ตามผู้เขียนไม่ได้กล่าวว่ามีการกระตุ้นในระยะแรกของ Basophils เป็นในรูปแบบใดของ autoreactive IgE
ผลการวิจัยเหล่านี้เพิื่่มความรู้ของเราในการเกิดพยาธิสภาพของโรคไตอักเสบลูปัสได้อย่างไร อะไรคือข้อ จำกัด ของผลเหล่านี้หรือไม่ 


 autoantibodies IgE จะถูกตรวจพบในประมาณ 30% ของผู้ป่วยที่มี SLE Lyn - ขาดไม่น่าจะเป็นรูปแบบการ SLE ในคนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ การศึกษาโดย et al ชาร์ลส์ ทำให้เกิดคำถามว่าผู้ป่วยควรจะแยกตามกลุ่มย่อย Th และวิธีการว่าควรจะวางแผนการรักษาตาม Th1 และ Th17 เซลล์น่าจะได้ความสนใจในการศึกษาและให้ความสำคัญว่ามีผลสำคัญในการก่อโรคของโรคไตอักเสบลูปัสในสัตว์และคน นอก จากนี้ฟีโนไทป์ของโรคไตอักเสบแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ Th กลุ่มย่อยที่เกี่ยวข้อง : การตอบสนอง Th1 มีความเกี่ยวข้องกับโรคไตอักเสบลูปัสแพร่ proliferative ในขณะที่การตอบสนอง Th2 มีความเกี่ยวข้องกับโรคไตอักเสบลูปัสของผู้ป่วย SLE
การ ศึกษาของยีน (เช่น IL4) ที่ควบคุมการทำงาน Th2 และ basophil ทีึ่ต่อไปอาจไปเพิ่มการสนับสนุนในแนวคิดนี้ และการสังเกตเหล่านี้อาจจะอธิบายสาเหตุของความ รุนแรงของโรค SLE ในประชากรบางอย่างเช่นคนผิวดำ อย่างเช่นการทดสอบบทบาทของประเภทที่ interferon, ไซโตไคน์ที่มีบทบาทสำคัญในการก่อโรคของโรคลูปัส





การ ทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของการรักษา ที่ B - เซลล์ที่กำหนดเป้าหมายเช่นโคลนอลแอนติบอดีต่อต้าน(
anti-CD20 monoclonal antibodies) CD20 (ยา rituximab) ในโรคไตอักเสบลูปัส -- ที่อาจจะกล่าวได้ว่า มีปัจจัยมากกว่านั้นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโรค ในคน

นอกจากนั้นการศึกษาในเฟส 2 และเฟส 3 ที่เกี่ยวการศึกษาทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับกับโรคลูปัสได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางคลินิกของแอนติบอดี (belimumab) กับ B-lymphocyte stimulator (ที่เรียกว่าเป็นตัวกระตุ้น B - lymphocyte หรือ BLyS) ในกลุ่มย่อยของผู้ป่วย  

ผลการรายงานโดย Charles et al แสดง ให้เห็นว่านอกเหนือจากการที่มีผลต่อเซลล์ B, belimumab อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาโดย depleting basophils (ซึ่งมีเยื่อ - bound B - ) จึงอาจเป็นไปได้ที่ rituximab หรือ belimumab, ร่วมกับการรักษาที่ระงับการผลิตของ IgE หรือการเปิดใช้งานและกลับบ้านของ basophils ไปต่อมน้ำเหลืองและม้ามอาจได้รับประโยชน์คนบางคนที่มี nephriti lupus




From : Clinical Implications of Basic Research

Basophils and Nephritis in Lupus

Srini V. Kaveri, D.V.M., Ph.D., Luc Mouthon, M.D., Ph.D., and Jagadeesh Bayry, D.V.M., Ph.D.
N Engl J Med 2010; 363:1080-1082September 9, 201